มาทำความรู้จักกับ สภาพผิวหน้า และประเภทของผิว
ผิวธรรมดา (Normal Skin)
“ผิวธรรมดา” เป็นคำที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย บ่งบอกถึงผิวที่มีความสมดุล คือไม่แห้งจนเกินไป และ ไม่มันจนเกินไป หรือในทางวิทยาศาสตร์ใช้คำว่า “eudermic” แทนผิวที่มีสุขภาพดี
ลักษณะของผิวธรรมดา:
- ผิวไม่มันและไม่แห้งจนเกินไป
- ผลิตน้ำมันได้สมดุล
- รูขุมขนเล็ก ไม่กว้างมาก รูขุมขนที่มองเห็นได้ชัดเจนมีน้อย
- ไม่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยหรือสิว
- มีการไหลเวียนโลหิตที่ดี
- ผิวเรียบเนียน
- มีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับผิวหน้าน้อย โดยเฉพาะเรื่องกระ ฝ้า หรือสิว
- ผิวหน้ามักไม่แพ้อย่างรุนแรง ถ้าแพ้ก็แพ้แบบเล็กน้อย
- เห็นได้ชัดเจนว่าผิวหน้ามีความกระจ่างใส
วิธีเช็ค เคยเห็นผิวของเด็กใช่มั้ยคะ นั่นแหละค่ะ เพราะผิวของเด็กเป็นตัวแทนของผิวธรรมดาที่สามารถสังเกตได้ง่ายที่สุด
ผิวแห้ง (Dry Skin)
“ผิวแห้ง” เป็นผิวที่ละเอียดบอบบาง และ เกิดริ้วรอยได้ง่าย เนื่องจากมีการผลิตน้ำมันที่น้อยกว่าผิวธรรมดา อันเป็นผลมาจากการขาดความมัน, ผิวแห้ง ขาดกรดไขมันที่จำเป็นในการรักษาความชุ่มชื้น และสร้างเกราะป้องกันผิวจากสิ่งกระทบจากภายนอก เพราะผิวขาดกรดไขมันที่จำเป็นในการรักษาความชุ่มชื้น ทำให้ความรู้สึกหยาบกร้านและดูหมองคล้ำได้ง่าย
"ผิวแห้ง" มักจะแห้งกร้าน แตก ลอก หรืออาจอักเสบและคันได้ง่าย ในกรณีที่ผิวแห้งมาก ๆ ผิวหนังมักจะหลุดลอกออกเป็นแผ่น ๆ ซึ่งลักษณะผิวแบบนี้ เป็นลักษณะผิวที่บอบบางเป็นอย่างมาก
ลักษณะของผิวแห้ง
- ผิวดูขาดน้ำ แห้งกร้าน
- ผิวลอกเป็นขุย
- มีอาการคันบ่อย
- รูขุมขนเล็ก ละเอียด
- มีริ้วรอยก่อนวัย
- มักมองไม่เห็นรูขุมขนเลย หรือเห็นได้น้อยมาก ๆ
- ผิวไม่ค่อยกระจ่างใส แห้งกร้าน
- มีผื่นแดง ๆ หรือรอยแดง ๆ ที่ผิว
- ผิวมีความยืดหยุ่นน้อย
- เห็นรอยเหี่ยวย่น ตีนกา ได้อย่างชัดเจน
วิธีเช็ค เวลาล้างหน้าแล้วรู้สึกหน้าแห้งตึง และเมื่อซับหน้าด้วยกระดาษซับมัน ไม่พบน้ำมันถูกดูดซับ
5 ปัจจัยเสริมที่ทำให้ปัญหาที่เกิดจากผิวแห้ง ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
💨ปัจจัยที่ 1 : สภาพอากาศ โดยเฉพาะอากาศเย็น แห้ง หรือมีลมพัดแรง จะยิ่งทำให้ผิวของเราแห้งตึง บางครั้งถึงกับ ยิ้มไม่ออก กันเลยทีเดียวนะคะ ^^
🌤ปัจจัยที่ 2 : แสงแดด รังสียูวี อันนี้ตัวการเลยคะ เป็นตัวที่เพิ่มอนุมูลอิสระให้กับผิวของเรา ทำร้ายเราต่างๆนาๆ ฮือๆ
💦ปัจจัยที่ 3 : การอาบน้ำที่นานเกินไป โดยเฉพาะการอาบน้ำอุ่น ตอนอาบก็เย็นสบายดีนะคะ แต่หลังอาบนี่สิ ผิวตึงเป๊ะมากๆ
💋ปัจจัยที่ 4 : สบู่และเครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับสภาพผิวแห้ง เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาสำหรับคนผิวมัน นั่นเองคะ เพราะว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านั้น เน้นที่จะชะล้างความมันออกจากใบหน้าของเรานะคะ แต่เราคนผิวแห้ง ยิ่งใช้ก็จะยิ่งแห้งๆๆ ทำร้ายผิวเรามากๆเลยคะ
💊ปัจจัยที่ 5 : ยาบางชนิด เช่น ยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ เช่น กรดผลไม้ที่เราไปทำ ทรีทเม้นท์ กัน ซึ่งจะทำให้ผิวเราแห้งมากขึ้นนะคะ ดังนั้นหลังการทำ เราก็ควรมีตัวช่วยในการบำรุงผิวของเรา ให้ชุ่มชื้น มากยิ่งขึ้นคะ
จะดูแลผิวแห้งอย่างไร ให้สดใส ไม่แห้งกร้าน
1. ใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่มีความอ่อนโยน ไม่ควรอาบน้ำบ่อยเกินกว่าวันละ 2 ครั้ง
2. ไม่ควรขัดผิวบ่อย ๆ เพราะจะยิ่งทำให้ผิวแห้งกร้าน
3. ทุกครั้งหลังอาบน้ำ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื่น (moisturizer) ที่ออกแบบมาสำหรับผิวแห้ง
4. ในกรณีที่ผิวแห้งมาก อาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบที่เป็นครีม (creams) มากกว่าผลิตภัณฑ์รูปแบบโลชั่น (lotions) เนื่องจากครีมจะมีความเป็นน้ำมัน และจะกักเก็บความชื้นให้ผิวได้มากกว่า
ผิวมัน (Oily Skin)
เป็นผิวที่น่าเห็นใจที่สุด กับสภาพอากาศประเทศไทย มักเกิดขึ้นในช่วยวัยรุ่น ช่วงที่ฮอร์โมนกำลังมีการเปลี่ยนแปลง ความร้อน และความชื้นของสภาพอากาศ นอกจากนี้ความเครียดก็ส่งผลทำให้ผิวมีความมันส่วนเกินได้เช่นกันผิวมีลักษณะ เงา มันวาว สามารถมองเห็นรูขุมขนได้ชัดเจน มีการผลิตน้ำมันในปริมานที่มากเกินไป คนผิวมันจะมีผิวที่ค่อนข้างหยาบ รูขุมขนใหญ่ และมองเห็นรูขุมขนได้ชัดเจน มีแนวโน้มที่เป็นสิวร่วมด้วย
ลักษณะของผิวมัน:
- น้ำมันหล่อเลี้ยงผิวมากเกินไป
- หน้ามันเยิ้มสมปรกง่าย
- มีสิวเสี้ยน สิวหัวดำ
- ผิวเงา มันวาว รูขุมขนกว้าง
- รูขุมขนขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
- ผิวดูมันวาว จนบางครั้งอาจทำให้เกิดความหมองคล้ำ
- ปัญหาสิวเป็นปัญหาเด่นของผิวมัน ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวเสี้ยน สิวหัวดำ
- การดูแลผิวมันให้ผิวพรรณของคุณมีสุขภาพดี
วิธีเช็ค เมื่อซับหน้าด้วยกระดาษซับมัน จะเห็นน้ำมันอย่างชัดเจนเป็นดวงๆ ส่วนใหญ่มาจากบริเวณจมูก หน้าผากและโหนกแก้ม ผิวดูหนา อาจมองเห็นเส้นเลือดไม่ชัดเจน
1. ผิวมันมักจะเกิดสิวได้ง่าย แต่ให้จำไว้ว่า การบีบสิวจะเป็นการกระตุ้น ทำให้สิวเกิดขึ้นมาอีก รวมถึงทำให้เกิดสิวอักเสบ และรอยด่างดำ
2. ไม่ควรล้างหน้าเกินกว่าวันละ 2 ครั้ง การล้างหน้าบ่อย จะทำให้ผิวขาดความชุ่มชื่น เป็นการกระตุ้นทำให้ต่อมไขมันสร้างน้ำมันออกมามากขึ้น
3. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาสำหรับคนผิวมัน
4. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (noncomedogenic) ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดสิวอุดตันได้
ผิวผสม (Combination Skin)
ผิวผสม ระหว่างผิวธรรมดาหรือผิวแห้งกับผิวมัน มีการผลิตน้ำมันมากบริเวณ T-Zone (หน้าผากคางและจมูก) ส่วนบริเวณที่ผิวแห้งเกิดจากการขาดน้ำมัน ช่วงบริเวณโหนกแก้มและข้างแก้ม คนที่มีผิวชนิดนี้มักจะมีสิวหัวดำ บริเวณจมูก และมีสิวขึ้นบริเวณหน้าผากและคาง
ลักษณะของผิวผสม
- ผิวแห้งบริเวณโหนกแก้มและข้างแก้ม
- สิวผดขึ้นบริเวณหน้าผาก
- รูขุมขนมักจะกว้างกว่าผิวธรรมดา และรูขุมขนมักจะเปิด
- เนื่องจากรูขุมขนเปิด มักจะมีสิวอุดตันหัวดำ (blackhead) เกิดขึ้น โดยเฉพาะบริเวณทีโซน
- ผิวมักจะมีความมันเงา
วิธีเช็ค
หลังจากตื่นนอนตอนเช้า หากปรากฏน้ำมันบริเวณ T-Zone (หน้าผาก สันจมูก จนถึงปลายคาง) บนกระดาษซับมัน และผิวแห้งบริเวณแก้ม
ผิวแพ้ง่าย (Sensitive skin)
ผิวที่ระคายเคืองง่ายและบอบบางมากๆ เช่น กระดาษทิชชู อากาศร้อน หรือแม้แต่ฝุ่น มีปัญหาแพ้ง่าย แดง ระคายเคืองง่ายต่อผลิตภัณฑ์ทั่วไป มักเกิดอาการ แห้งลอก บวมแดง เป็นผื่นแพ้ แสบรวมถึงคันลักษณะของผิวแพ้ง่าย
ลักษณะของผิวแพ้ง่าย
- ผิวหน้าตีง แพ้ง่าย
- ผื่นขึ้นและอักเสบง่าย
- ระคายเคืองต่อผลิตภัณฑ์ทั่วไป
- สุขภาพผิวไม่แข็งแรง
- ผิวมีการอักเสบได้ง่าย ลักษณะเด่นชัดของการอักเสบ คือ ผิวแดง คัน แสบร้อน รวมถึงแตกแห้ง
- มักเกิดหลังจากการใช้เครื่องสำอาง หรือสิ่งที่มีการสัมผัสกับผิวโดยตรง
- ถ้าคุณรู้ว่าผิวของคุณมีแนวโน้มที่จะแพ้ง่าย คุณควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นการแพ้ โดยเฉพาะสารและองค์ประกอบบางชนิดในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
วิธีเช็ค ผิวที่ระคายเคืองง่ายต่อผลิตภัณฑ์ทั่วไป มักเกิดอาการแพ้บ่อยๆ สุขภาพผิวไม่แข็งแรง
ผิวแพ้ง่าย (sensitive skin)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ขอบคุณมากนะคะ สำหรับทุกๆ ความคิดเห็น